“อกน่ะมีเอาไว้หัก ก็แค่ช้ำเพราะรักเป็นเรื่องธรรมดา” ในเพลงอกมีไว้หักเพลงของพี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ความรักเป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ หลายคนอินเพลงเศร้าแล้วอกหักทิพย์ก็มี แต่อกหักจริง ๆ มันมีความเจ็บที่หน้าอกสะเทือนมายังอารมณ์ของเรามากกว่าที่คิด บางคนร้องไห้นานเป็นวัน หรือเป็นโรคซึมเศร้าได้เลย ถึงแม้จะเป็นเรื่องธรรมมาแต่ผลที่ตามมาไม่ธรรมดาเลย วันนี้รามาแชนแนลจะพาเหล่าคนอกหักมา Move on ไปข้างหน้า ด้วย 6 ขั้นตอนการหยุด Move on เป็นวงกลม ถ้าไม่อยากจมปรักรักเก่า ๆ ทำตามคำแนะนำของคุณหมอได้เลย
ยอมรับและให้เกียรติความเจ็บปวด (Honor your pain)
ความเจ็บปวดจากการอกหัก เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของประสบการณ์ที่มีความหมายในชีวิต ซึ่งสำหรับบางคนแล้วอาจเป็นกระบวนการจัดการกับการสูญเสียครั้งใหญ่ที่สั่งสมมาในอดีต การยอมรับและให้เกียรติประสบการณ์นี้ให้ปรากฏ เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้และเติบโตได้ ถ้าเกิดความคิด เช่น ไม่อยากเจ็บปวด ทำไมยังไม่หาย หรือเกิดจมอยู่กับความเจ็บปวดนั้น ก็ให้อนุญาตให้ความคิดเหล่านั้นปรากฏ แต่เราสามารถมองมันต่างไปได้ ลองจินตนาการภาพดอกบัวที่งอกมาจากโคลนตม ก็คือตัวเราที่ในที่สุดจะสามารถเติบโตงอกงามออกมาจากความทุกข์ได้
สำรวจความคาดหวัง (Explore hope & expectation)
บ่อยครั้ง ความทุกข์และบีบคั้นในใจ อาจมาจากความหวัง ที่เรายังไม่อยากปล่อยวาง เช่น อยากให้เค้ากลับคืนมา อยากกลับไปแก้ไขอดีต ไม่อยากอยู่คนเดียว ฯลฯ เราสามารถอนุญาตให้ความคาดหวังปรากฏ โดยไม่จำเป็นต้องตัดสินหรือตัดพ้อต่อว่าความคิดเหล่านั้น และลองพิจารณาดูว่า ความคาดหวังใด ที่เป็นประโยชน์และเราสามารถดูแลจัดการได้ด้วยตนเอง และปล่อยวางความคาดหวังที่ยากจะเป็นจริง หรือต้องไปควบคุมเปลี่ยนแปลงผู้อื่น
ถอนยาล้างพิษ (Detoxification)
การอกหักเปรียบเสมือนการถอนยาจากการเสพติด ดังนั้นวิธีการที่จะเยียวยารักษาคือ ไม่กลับไปใช้ยาอีก หมายถึง ในช่วงแรกนั้น ไม่ควรหมกมุ่น คิด หรือติดต่อคนที่เป็นสาเหตุของการอกหัก อย่างไรก็ตามความคิดเป็นสิ่งที่ห้ามยาก ดังนั้นควรตัดสินใจเลือกหรือสร้างอุบายเพื่อช่วยให้ตัวเราไม่ตกอยู่ที่นั่งลำบาก เช่น ตัดการติดต่อ ทางโทรศัพท์ หรือโซเชียลมีเดียถ้าทำได้ การทำสิ่งนี้ไม่ได้แปลว่าจะไม่สามารถกลับมาเป็นเพื่อนกับคนรักเก่าได้อีกในอนาคต หากแต่เป็นเพียงการดูแลตนเองแบบฉับพลันในช่วงต้นของกระบวนการเยียวยาตนเองให้คลี่คลายได้เร็วขึ้น
มองเหตุการณ์ตามความเป็นจริง (Be realistic)
เลือกมองสถานการณ์จากทั้งสองด้าน ทั้งด้านที่อาจมองคนรักเก่าว่าเป็นคนในอุดมคติ คิดถึงช่วงเวลาดี ๆ รวมถึงด้านที่ทำให้ความสัมพันธ์ไม่สามารถไปต่อได้ ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีข้อดีแค่ไหน การที่เขาตัดสินใจไม่เลือกเรานั้น ถือเป็นข้อเสียใหญ่หลวงที่สุด ที่ทำให้เราไม่ควรเลือกที่จะมีความสัมพันธ์ต่อไป
เมตตาตนเอง (Self-compassion)
หากเราเกิดความคิดโทษตัวเอง มองว่าตัวเองไม่ดีพอ เกิดความเศร้าหรือความกลัวกังวลในอนาคต ให้ลองปฏิบัติกับตัวเองเหมือนเพื่อนสนิทที่สุดจะทำให้เรา รับฟังตัวเอง ปลอบโยน และให้กำลังใจตนเองเหมือนที่เราจะทำให้เพื่อนสนิทที่สุดคนหนึ่งเช่นเดียวกัน ให้เวลากับตัวเองเพื่อดูแลจิตใจ พัฒนาตนเอง รวมถึงการเตรียมพร้อมและเปิดใจกับความสัมพันธ์ในอนาคต
ฟื้นฟูความสัมพันธ์ (Cultivate meaningful relationship)
ความสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต เมื่อสูญเสียความสัมพันธ์หลักไป อาจทำให้รู้สึกสูญเสียตัวตนบางส่วนที่สำคัญไปด้วย ดังนั้นจึงเป็นช่วงสำคัญที่เราควรฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่มีความหมายไม่ว่าจะเป็นกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูงที่มีอยู่แล้ว เราอาจแบ่งปันเรื่อง และขอความช่วยเหลือจากเพื่อนที่เราไว้ใจ ให้เวลาความสัมพันธ์ที่มีอยู่ให้ค่อย ๆ พัฒนาขึ้น ยอบรับและขอบคุณความสัมพันธ์ดี ๆ ที่มีโดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับอดีต
6 ขั้นตอนการหยุด Move on เป็นวงกลม แล้วมา Move on ไปข้างหน้าจากคุณหมอเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ผู้อ่านทุกคนสามารถนำไปใช้กับตัวเองได้เลยนะครับ เก็บความสัมพันธ์เหล่านั้นไว้เป็นเพียงความทรงจำ แล้วก้าวเดินไปข้างหน้าเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นกันครับ
ข้อมูลโดย
อ. พญ.วินิทรา แก้วพิลา
จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ