5คันแบบนี้ เรียกเชื้อราหรือเปล่านะ
หน้าแรก
คันแบบนี้ เรียกเชื้อราหรือเปล่านะ
คันแบบนี้ เรียกเชื้อราหรือเปล่านะ

อาการคันตามผิวหนัง สร้างความรำคาญใจให้กับผู้ที่ประสบปัญหาเป็นอย่างมาก สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการคันก็คือ การติดเชื้อจากเชื้อรา จำเป็นต้องได้รับการรักษา ซึ่งก่อนได้รับการรักษา จะต้องหาสาเหตุที่แน่ชัดก่อนที่จะได้รับการรักษา เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและตรงกับโรค

อาการคันเกิดจากอะไร

สาเหตุของอาการคัน อาจเกิดได้จากหลายๆสาเหตุ เช่น การแพ้สารเคมี ได้แก่ ผงซักฟอก ครีมทาผิว  การแพ้ยา หรือการติดเชื้อรา ได้แก่ กลาก เกลื้อน สิว (ชนิดที่เกิดจากเชื้อรา) โรคติดเชื้อแคนดิดา ฯลฯ โดยอาจมีผดผื่นขึ้นในลักษณะต่าง ๆ ตามสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการคัน

การติดเชื้อราในรูปแบบต่าง ๆ

การติดเชื้อจากเชื้อราอาจพบได้หลายรูปแบบ แต่อาการที่มักพบได้บ่อย คือ กลาก เกลื้อน และการติดเชื้อแคนดิดา

  • กลาก มีลักษณะเป็นวงขาว ๆ ขอบเขตชัดเจน มีอาการคัน พบได้ตามผิวหนังบริเวณหลัง ใบหน้า และลำตัว มักพบในนักกีฬา ผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง และผู้ที่ไม่ค่อยอาบน้ำ
  • เกลื้อน มีลักษณะคล้ายกับกลาก เป็นวงเรียบ ๆ สีขาว หรือสีน้ำตาล หรือสีดำ มักไม่มีอาการคัน นอกจากเหงื่อออกมาก อาจคันเล็กน้อย
  • การติดเชื้อแคนดิดา มักพบบริเวณที่อับชื้น เช่น ข้อพับ ขาหนีบ รักแร้ ลักษณะเป็นผื่นแฉะ สีแดง มีอาการคัน สามารถลามได้ ทั้งยังสามารถพบได้ในช่องปากเหมือนฝ้าขาวบริเวณลิ้น โดยจะพบในผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง

อาการคันที่เกิดจากการแพ้

สังเกตได้จากการสัมผัสสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแล้วมีอาการคัน เช่น ครีมบำรุงผิวสูตรใหม่หรือแบรนด์ใหม่ที่ไม่เคยใช้ เป็นต้น หรือการสัมผัสผงซักฟอกครั้งแรก รวมถึงการสัมผัสที่นานเกินไปแม้เคยสัมผัสมาก่อนหน้านี้

อาการคันรักษาได้อย่างไร

อาการคันสามารถรักษาได้ด้วยยา ซึ่งมีหลายชนิดทั้งชนิดกินและชนิดทา และมีตัวยารักษาเกี่ยวกับเชื้อโรคต่าง ๆ มากมายที่ทำให้เกิดอาการคัน โดยก่อนที่จะรักษาด้วยยาควรรู้ก่อนว่าอาการคันนั้นเกิดจากสาเหตุใดหรือเกิดจากเชื้อชนิดไหน

การรักษาอาการคันจากเชื้อรา

อาการคันที่พบบ่อยเกิดจากเชื้อราชนิดต่าง ๆ สามารถรักษาได้ด้วยยาฆ่าเชื้อราหลายชนิด เช่น โคไตรมาโซล(clotrimazole) ฟลูโคนาโซล (fluconazole) ไอทราโคนาโซล (itraconazole) โดยหนึ่งในชนิดยาที่รักษาเชื้อรา คือ “คีโตโคนาโซล” (Ketoconazole)

รู้จักกับยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)

เป็นยาที่สามารถฆ่าเชื้อราได้ทั้งชนิดที่ติดเชื้อบริเวณผิวหนัง (กลาก, เกลื้อน ฯลฯ) ติดเชื้อในกระแสเลือด หรือติดเชื้อในช่องคลอด เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถรักษาได้ทั้งคนทั่วไป ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งติดเชื้อราได้ง่าย หรือผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด และใช้ป้องกันในการติดเชื้อราในผู้ป่วยที่ได้รับการเปลี่ยนถ่ายอวัยวะ เป็นต้น

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคีโตโคนาโซล คือการยับยั้งเอนไซม์ชนิดหนึ่ง ทำให้เชื้อราไม่สามารถสร้างสารสำคัญซึ่งเป็นองค์ประกอบของเชื้อราได้ ส่งผลให้เยื่อหุ้มเซลล์ของเชื้อราทำงานผิดปกติไป ตัวเชื้อราจึงค่อย ๆ ตายลงในที่สุด โดยในปัจจุบันยาคีโตโคนาโซลที่พบในท้องตลาดมีประมาณ 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบเม็ด (ชนิดกิน), แบบครีมทาผิว และแบบแชมพู

ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) รักษาสิวได้หรือไม่

สิวมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน โดยยาคีโตโคนาโซลเป็นยาที่ใช้ในการรักษาเชื้อรา ดังนั้นการจะรักษาสิวด้วยยาคีโตโคนาโซล ต้องเป็นสิวที่เกิดจากเชื้อรา จึงจะทำให้การรักษานั้นเกิดประสิทธิภาพ และต้องให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยชนิดของสิวดังกล่าว

คำแนะนำและวิธีการใช้ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)

  • การกินยาคีโตโคนาโซลต้องกินต่อเนื่องจนหมดตามแพทย์สั่ง ถึงแม้จะไม่มีอาการคันแล้วก็ตาม เนื่องจากเชื้อราอาจยังตายไม่หมด
  • การกินยาคีโตโคนาโซลเพื่อรักษาเชื้อรา ขนาดยาโดยส่วนใหญ่ คือ กินขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 1 ครั้ง ติดต่อกันนาน 2-3 สัปดาห์ หลังอาหารทันทีหรือพร้อมอาหาร เนื่องจากตัวยาจะทำงานได้ดีในสภาวะเป็นกรด ในผู้ป่วยที่มีการกินยาลดกรดต้องเว้นเวลา 2 ชั่วโมง แล้วค่อยกินยาคีโตโคนาโซล
  • การทาครีมที่มีตัวยาคีโตโคนาโซล ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 2-3 สัปดาห์ หรือทาจนกว่าจะหาย อาจทาต่อไปอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
  • การใช้แชมพูที่มีตัวยาคีโตโคนาโซล สระสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกันนาน 2-4 สัปดาห์
  • การใช้ยากินและยาทาร่วมกัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาแต่ไม่ได้ช่วยลดระยะเวลาในการรักษา
  • หากมีการติดเชื้อในแผลที่ลึก ยากินรักษาได้ดีกว่ายาทา ส่วนการติดเชื้อบริเวณผิวหนังที่ไม่ลึก การใช้ยาทาค่อนข้างเหมาะสมกับการรักษา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ในการรักษา

ข้อควรระวังในการใช้ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)

  • ยามีพิษต่อตับ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับ
  • ควรระมัดระวังการใช้ยาในหญิงตั้งครรภ์
  • ห้ามใช้ในหญิงให้นมบุตร
  • ระมัดระวังการใช้ยาร่วมกับยาชนิดอื่น

ผลข้างเคียงจากยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole)

  • ภาวะตับอักเสบ สังเกตได้จากอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเข้ม ควรรีบแจ้งแพทย์เมื่อมีอาการหลังใช้ยา
  • อาการข้างเคียงอื่น ๆ จากยาชนิดกิน ได้แก่ รู้สึกไม่สบายในท้องเล็กน้อย ง่วงนอน นอนไม่หลับ มึนงง วิงเวียน แต่เป็นอาการที่พบได้ไม่บ่อย ผลข้างเคียงนี้ไม่อันตราย
  • อาการข้างเคียงอื่น ๆ จากยาชนิดทา ได้แก่ ระคายเคืองบริเวณที่ทา อาจมีอาการคันเล็กน้อย แต่เป็นอาการที่พบได้ไม่บ่อย ผลข้างเคียงนี้ไม่อันตราย

 

ข้อมูลจาก
ภญ.ธุรักษร ธุระ
เภสัชกรหน่วยบริการเภสัชกรรม งานเภสัชกรรม
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “โรคผิวหนังจากเชื้อรา รักษาอย่างไร ให้หายขาด : Rama Square ช่วงสาระปันยา” ได้ที่นี่

บทความที่เกี่ยวข้อง