0
469
0
0
0
Why Sexual Medicine?
19-09-2024
19-09-2024
- พญ.ขวัญชนก หอมแสงประดิษฐ
มณีนุช มานชู

บทสัมภาษณ์ โดยทีมบรรณาธิการวารสาร Retreat ฉบับที่ 1 เดือนกรกฎาคม 2566
อ.พญ.ขวัญชนก หอมแสงประดิษฐ (น้ำอ้อย)
หัวหน้าคลินิกสุขภาพเพศ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว รามาธิบดี และผู้ก่อตั้งเพจน้องสาว LittleSisCare เพจให้ความรู้สุขภาพเพศ

"ทีม บก. พามาพูดคุยกับ อ.พญ.ขวัญชนก หอมแสงประดิษฐ ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ถึงที่มาที่ไปของการมาสนใจงานด้าน Sexual Medicine จนเริ่มงานคลินิกสุขภาพเพศ ซึ่งเป็นที่แรกที่ดูแลโดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว"

อยากให้ อ. ขวัญชนกเล่าให้ฟังหน่อยครับว่า Sexual Medicine คืออะไร

อ. ขวัญชนก: จริง ๆ Sexual Medicine มันเป็นคำแบบร่มใหญ่มาก อะไรก็ตามที่มันเกี่ยวกับเซ็กซ์ มันก็อยู่ในนี้ได้หมดค่ะ อย่างที่ผ่านมาเวลาเราเรียนในโรงเรียนแพทย์ เราจะรู้แต่อันที่มันเป็นตัวโรค อย่างเช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิด การตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่แพทย์มักจะรู้จัก แต่มันก็มีอีกด้านหนึ่งคือพวกความสุขทางเพศ สมรรถภาพทางเพศ sexual function และ sexual dysfunction อย่างภาวะที่เคยได้ยินคุ้น ๆ กัน เช่น ปัญหาเรื่องไม่แข็ง ไม่เสร็จ ไม่เสียว ก็เป็นปัญหา sexual dysfunction ที่เจอได้บ่อย ในเรื่องนี้ก็จะเป็นด้านที่น้ำอ้อยสนใจและดูแลอยู่ จริง ๆ ก็ยังมีอีกด้านหนึ่งก็คือเรื่องความหลากหลายทางเพศ และการดูแลกลุ่ม transgender ก็เป็นอีกด้านหนึ่งของ sexual medicine เหมือนกัน

 

อะไรที่ทำให้ อ.ขวัญชนก มาสนใจเรื่อง sexual medicine อยากให้เล่าให้ฟังครับ

อ. ขวัญชนก: จริง ๆ ก็เริ่มมาจากตอน เรียนแฟมเมดที่รามาค่ะ ซึ่งมันจะมีคาบ Behavioral medicine ที่เป็นเหมือน อ่านหนังสือนอกเวลา โดยที่มันจะไม่ได้เป็น medical textbooks จ๋า ๆ แต่เน้นเกี่ยวกับเรื่องผู้คน ครอบครัวรูปแบบต่างๆ ซึ่งหนึ่งในเล่มที่เราเอามาอ่านคือ LGBTQ transgender health และ sexual medicine เลยทำให้รู้ว่านี่ในโลกของแพทย์เนี่ยมันมีด้านนี้อยู่ด้วยนะ มันเหมือนเป็นด้านที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่รู้แม้กระทั่งว่า เออ สิ่งนี้มันเป็นสิ่งที่แพทย์เข้าไปร่วมดูแลได้ด้วย หลังจากนั้นก็ได้ไป elective ที่คลินิกสุขภาพเพศที่ธรรมศาสตร์ และก็ไปดูงานที่อังกฤษ เลยเห็นว่าจริง ๆ เรื่องเพศมันก็เป็นช่องว่างของการบริการ และเรื่องเพศสำหรับผู้หญิงก็ยิ่งเป็นช่องว่างไปอีก ตอนนั้นรู้สึกว่าอยากมาเติมเต็มตรงนี้ ตอนไปอังกฤษก็เห็น GP ที่นู่นเขาทำงานปกติแต่ก็มี special interests เพิ่มขึ้นมา บางคนก็มีคลินิกเฉพาะกลุ่ม เช่น MSM หรือ Transgenders อีกอันนึงที่น่าสนใจเลยคือวิชาชีพอื่นที่เขามาร่วมดูแลด้วย เช่น sex therapists หรือคนอื่นที่มาเสริมในส่วนของการดูแลด้านจิตใจที่ทำจิตบำบัด หรือดูแลเรื่องความสัมพันธ์ เหมือนแม่ของ Otis ในซีรีส์เรื่อง Sex Education

พอทำงานมาได้สักระยะแล้ว มองเห็นอะไรในสาขานี้และวางแผนอย่างไรต่อครับ

มันมีช่องว่างจริง ๆ นะคะ เรื่องการเข้าถึงการดูแลในรื่องนี้ ตอนที่ทำเพจน้องสาว ตอนนั้นหลังไมค์ก็มีคำถามเข้ามาเยอะมาก แสดงว่ามีคนส่วนนึงโดยเฉพาะผู้หญิง เขาไม่รู้จะไปหาใครเวลาที่พูดเรื่องความสุขทางเพศ มันไม่เหมือนกับผู้ชายที่ถ้าไม่แข็งก็ไปหาหมอยูโร 
ถ้ามองในร่มใหญ่ที่ชื่อว่า Sexual Medicine น้ำอ้อยก็จะสนใจในเรื่อง Sex and Relationship ก็จะเห็นปัญหาเรื่องความต้องการทางเพศที่ไม่เท่ากัน หรืออารมณ์ลดลง ซึ่งมันเป็นแค่สิ่งที่เห็นบนผิวน้ำ แต่ลึกลงไปมันคือเรื่องปัญหาของความสัมพันธ์เยอะเลย เช่น การไม่อยากมีลูก  ความไม่ราบรื่นของความสัมพันธ์คู่ครอง หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับครอบครัวดั้งเดิม อันนี้อาจจะเป็นที่มาของการวางแผนไปเรียนเพิ่มเติมด้วยนะคะ เพราะเราเห็นปัญหาแล้ว เราก็อยากจะดูแลเขาให้ได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะในแง่มุมของการบำบัด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบ family therapy หรืออื่น ๆ แม้ว่าจริง ๆ ที่ผ่านมาก็ได้ปรับใช้การบำบัดแบบ Satir อยู่บ้าง  แต่จริง ๆ แล้ว การมีรูปแบบในการพูดคุยมากขึ้นก็น่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ป่วยและครอบครัว

 

อาจารย์กำลังจะไปเรียนต่ออะไรนะครับ

ไปเรียน Family Therapy ที่ King's College London ประเทศอังกฤษค่ะ

 

การพูดคุยเรื่องเพศในสังคมอนุรักษ์นิยมแบบเราเนี่ย มันมีความท้าทายอย่างไรบ้างครับ

จริง ๆ มันยากเหมือนกันนะคะ โดยเฉพาะถ้าคนพูดเป็นผู้หญิง ตอนที่ทำเพจน้องสาวก็เจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ไม่คิดว่าจะเจอและก็ไม่ได้อยากเจอ ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามทางเพศ หรือคอมเมนต์ที่ไม่ดี และในอีกมุมนึง ก็คือลูกเพจที่เป็นผู้หญิงก็โดนด้วย เพราะแชร์คอนเทนต์ออกไป เขาก็เจอคนมาคอมเมนต์เชิงว่า ชอบเรื่องแบบนี้ใช่ไหม หรือทำนองว่า เห็นเป็นคนเรียบร้อยแต่ชอบเรื่องพวกนี้ใช่ไหม ซึ่งพวกนี้มันเป็นการคุกคามในรูปแบบหนึ่งเหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเพศหญิงที่โดน เป็นเพศหญิงที่ถูกมองไม่ดี แต่คิดว่าปัจจุบันนี้ สังคมก็อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านเช่นกัน ก็อยากเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ให้ก้าวหน้าไป

 

มีอะไรอย่างฝากถึงเพื่อน ๆ น้องแฟมเมดและผู้อ่าน ทิ้งท้ายไหมครับ

อยากจะย้ำอีกทีว่า อยากให้แฟมเมดเชื่อมั่นในทักษะ Biopsychosocial ที่เรามี เพราะมันสำคัญในการดูแลเรื่องเพศมาก ๆ เวลาที่เจอเคสมาปรึกษาอยากให้ลองดู ไม่อยากให้กังวลว่าต้องไปเรียนก่อน หรือคิดว่าเราขาดประสบการณ์จะดูแลไม่ได้ เพราะจริง ๆ แล้วสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการจริง ๆ ในปัญหาส่วนใหญ่นั้นคือการรับฟัง และดูแลปัญหาด้านจิตใจ ความสัมพันธ์ อยากให้ลองคุยกับเขาดู สำหรับคนที่อยากเรียนต่อเพิ่มเติม ก็มีที่ธรรมศาสตร์ที่เปิดอยู่สามคอร์ส น้ำอ้อยเองก็ได้เข้าไปร่วมสอนอยู่ในหัวข้อเรื่องที่ถนัด ทั้งการทำสื่อเรื่องเพศ Biopsychosocial model และเรื่อง Working with couple  เรื่องที่น่าสนใจและน่าจะมีประโยชน์มาก ๆ อีกอันในการดูแลเคสเรื่องเพศ คือเรื่องการบำบัดที่เราจะนำทักษะมาปรับใช้ได้ อย่างในเมืองไทยตอนนี้ก็จะมีแนวทางของ Satir และ CBT เผื่อเพื่อน ๆ หรือน้อง ๆ คนไหนสนใจจะได้มาช่วยกันขับเคลื่อนงานในด้านนี้ สุดท้ายก็อยากชวนให้ดูแลคนไข้ในมุมนี้ดู อยากให้เชื่อว่าทักษะของแฟมเมด มันเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ต่อหลาย ๆ คนที่มีปัญหาในเรื่องเหล่านี้จริง ๆ

 

สามารถอ่านวารสารฉบับเต็มได้ที่  https://online.fliphtml5.com/pgtfo/bmyg/

ชื่อผู้เผยแพร่
มณีนุช มานชู
ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว - 19-09-2024
แสดงความคิดเห็น