Self-Efficacy หรือการรับรู้ความสามารถของตนเอง เป็นแนวคิดทางจิตวิทยาและการพัฒนาตนเอง ซึ่งพัฒนามาจากทฤษฎีการเรียนรู้ทางปัญญาสังคม (social learning theory) โดยนักจิตวิทยาชาวแคนาดา Albert Bandura ที่ให้คำนิยามว่า Self-Efficacy คือความเชื่อของบุคคลว่าตนมีความสามารถในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ซึ่งความเชื่อในตนเองนี้จะส่งผลต่อความพยายามและความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับความท้าทายต่าง ๆ ทำให้บุคคลมีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น
Bandura ได้สรุปว่าความสามารถของบุคคลพัฒนามาจาก 4 ปัจจัย ได้แก่
1) ประสบการณ์ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในอดีต (enactive mastery experience)
2) การเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จ (vicarious experience)
3) การได้รับการสนับสนุนหรือการได้รับกำลังใจจากคนรอบข้าง (verbal persuasion)
4) สภาวะทางร่างกายและอารมณ์ (physiological and affective states)
“By sticking it out through tough times, people emerge from adversity with a stronger sense of efficacy”
“การก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ ทำให้ผู้คนออกจากความทุกข์ยากนั้น พร้อมกับความเชื่อมั่นในตนเองที่เพิ่มขึ้น” Albert Bandura, 1994
โดยในประเทศไทยได้มีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับแนวคิด Self-Efficacy และนำมาประยุกต์ใช้หลาย ๆ ด้าน เช่น
ด้านการทำงาน มีงานวิจัยที่ศึกษาการรับรู้ความสามารถของวิศวกร ที่ทำงานบริษัทผลิตเครื่องมือแพทย์ ในจังหวัดปทุมธานี พบว่าวิศวกรมีการรับรู้ในความสามารถของตนเองอยู่ในระดับสูง และเชื่อมั่นว่าตนมีความสามารถเพียงพอที่จะใช้ทักษะความเชี่ยวชาญที่มี ทำงานให้สำเร็จอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งงานวิจัยนี้ทำให้บริษัท ฯ มีแนวทางในการที่จะพัฒนาและช่วยส่งเสริมให้วิศวกรมีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองในการปฏิบัติงานเพิ่มมากขึ้น
ด้านการศึกษา มีการศึกษาเกี่ยวกับการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านวิทยาศาสตร์ ในกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในกรุงเทพมหานคร พบว่านักเรียนที่มีการรับรู้ความสามารถของตนเองด้านวิทยาศาสตร์ในระดับที่สูง จะมีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์สูงตามไปด้วย นอกจากนี้ได้มีข้อเสนอแนะให้อาจารย์ผู้สอนเพิ่มการรับรู้ความสามารถของนักเรียน โดยทำให้นักเรียนมีความมั่นใจ และมีกำลังใจที่จะทำให้ตนเองประสบความสำเร็จในการเรียนวิทยาศาสตร์
ด้านการดูแลสุขภาพ มีการนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้เพื่อออกแบบการจัดกิจกรรมสุขภาพที่ส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุ ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้ผู้สูงอายุปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม
นอกจากนี้มีงานวิจัยที่นำโปรแกรมสุขศึกษา ที่ประยุกต์ใช้ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองเพื่อส่งเสริมสุขภาพผู้สูงอายุในจังหวัดลำปาง พบว่าผู้สูงอายุมีการรับรู้ความสามารถตนเองอยู่ในระดับสูง จึงแนะนำให้บุคลากรด้านสุขภาพนำโปรแกรมนี้ไปประยุกต์ใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพให้กับผู้สูงอายุที่มีลักษณะคล้ายกันนี้ได้
อ้างอิง
1. ชัชชฎาภร พิศมร, เอกสิทธิ์ ไชยปิน, อลงกต ประสานศรี และ ณัฐกฤษฏ์ ธรรมกวินวงศ์. (2566). การประยุกต์ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถตนเองที่มีผลต่อพฤติกรรมสุขภาพของผู้สูงอายุในจังหวัดลำปาง. วารสารสาธารณสุขล้านนา, 19(1), 64-75.
2. พัชร์สิตา อภิศาสวัตวงศ์, เฉลิมขวัญ สิงห์วี, และธีรพัฒน์ วงศ์คุ้มสิน. (2565). การรับรู้ความสามารถของตนเอง แรงจูงใจ และภาวะผู้นาเชิงสร้างสรรค์ ของวิศวกรในบริษัทผลิตเครื่องมือแพทย์แห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี. วารสารการวัดผลการศึกษา, 39(105), 150-160.
3. ภาสิต ศิริเทศ และ ณพวิทย์ ธรรมสีหา. (2562). ทฤษฎีการรับรู้ความสามารถของตนเองกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ. วารสารพยาบาลทหารบก, 20(2), 58-65.
4. ศุภิสรา นาคผจญ และ อัมพร ม้าคนอง. (2565). การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างแรงจูงใจในการเรียนวิทยาศาสตร์ การรับรู้ความสามารถของตนเองด้านวิทยาศาสตร์ และการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น. วารสารศิลปากรศึกษาศาสตร์วิจัย, 14(1), 141-161.
5. Bandura A. (1977). Self-efficacy: toward a unifying theory of behavioral change. Psychological Review, 84(2), 191-215.
6. Bandura A. (1994). Self-efficacy. In V. S. Ramachaudran (Ed.), Encyclopedia of human behavior (Vol. 4, pp. 71-81). New York: Academic Press. (Reprinted in H. Friedman [Ed.], Encyclopedia of mental health. San Diego: Academic Press, 1998).
7. https://ejournals.swu.ac.th/index.php/ENEDU/article/download/6065/5698/19367
8. https://en.wikipedia.org/wiki/Self-Efficacy_(book)
9. https://www.psy.chula.ac.th/th/feature-articles/psy-cap-efficacy/